บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2018

คลิประบบสุริยะจักรวาล

รูปภาพ
สาระคดี ระบบสุริยะโลก ระบบสุริยะจักรวาล เกิดขึ้นอย่างไร

กำดนิดสุริยะ

รูปภาพ
กำเนิดระบบสุริยะ การกำเนิดระบบสุริยะ คือ   ระบบสุริยะเกิดจากกลุ่มฝุ่นและแก๊สในอวกาศซึ่งเรียกว่า “โซลาร์เนบิวลา” ( Solar Nebula) รวมตัวกันเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีมาแล้ว (นักวิทยาศาสตร์คำนวณจากอัตราการหลอมรวมไฮโดรเจนเป็นฮีเลียมภายในดวงอาทิตย์) เมื่อสสารมากขึ้น แรงโน้มถ่วงระหว่างมวลสารมากขึ้นตามไปด้วย กลุ่มฝุ่นก๊าซยุบตัวหมุนเป็นรูปจานตามหลักอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม               วัสดุชั้นรอบนอกของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิต่ำกว่า ยังโคจรไปตามโมเมนตัมที่มีอยู่เดิม รอบดวงอาทิตย์เป็นชั้นๆ    มวลสารของแต่ละชั้นพยายามรวมตัวกันด้วยแรงโน้มถ่วง   ด้วยเหตุนี้ดาวเคราะห์จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นรูปทรงกลม เนื่องจากมวลสารพุ่งใส่กันจากทุกทิศทาง  

ดวงจันทร์

รูปภาพ
  10.ดวงจันทร์ เป็นวัตถุดาราศาสตร์ที่โคจรรอบ โลก   เป็น ดาวบริวารถาวร ดวงเดียวของโลก เป็นดาวบริวารใหญ่ที่สุดอันดับที่  5  ใน ระบบสุริยะ   และเป็นดาวบริวารขนาดใหญ่สุดเมื่อเทียบกับกขนาดของดาวเคราะห์ที่โคจร ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารที่มีความหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่  2  รองจาก ไอโอ ของ ดาวพฤหัสบดี   ซึ่งบางส่วนไม่ทราบความหนาแน่น คาดว่าดวงจันทร์ก่อกำเนิดประมาณ  4.51  พันล้านปีก่อน ไม่นานหลังจากโลก คำอธิบายที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางที่สุดคือดวงจันทร์ก่อกำเนิดจากเศษที่เหลือจากการชนขนาดยักษ์ระหว่างโลกกับเทห์ขนาดประมาณ ดาวอังคาร ชื่อเธียอา ดวงจันทร์หมุนรอบโลกแบบประสานเวลา จะหันด้านเดียวเข้าหาโลกเสมอคือด้านใกล้ที่มีลักษณะเป็นทะเลภูเขาไฟมืด ๆ ซึ่งเติมที่ว่างระหว่างที่สูงเปลือกโบราณสว่างและหลุมอุกกาบาตที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อสังเกตจากโลก เป็น เทห์ฟ้า ที่เห็นได้เป็นประจำสว่างที่สุดอันดับสองในท้องฟ้าของโลกรองจาก ดวงอาทิตย์   พื้นผิวแท้จริงแล้วมืด แม้เทียบกับท้องฟ้าราตรีแล้วจะดูสว่างมาก โดยมีการสะท้อนสูงกว่า แอสฟอลต์ เสื่อมเล็กน้อย อิทธิพลความโ...

เมฆออร์ท

รูปภาพ
9. เมฆออร์ท ( Oort Cloud) วัตถุที่อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูนออกไปมีสามประเภทอย่างแรกคือ แถบไคเปอร์ เป็นแถบวัตถุแรกที่อยู่รอบนอกวงโคจรของดาวเนปจูนดาวพลูโตก็เป็นวัตถุหนึ่งในแถบไคเปอร์เมฆออร์ตไม่ใช่เมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าแต่เมฆออร์ตเป็นกลุ่มวัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์โดยอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ ตั้งแต่เกือบ  1  ปีแสงจนถึง  3  ปีแสง มีองค์ประกอบหลักเป็นสารระเหยง่าย เช่น น้ำ , แอมโมเนีย , ไนโตรเจน , มีเทน ฯลฯแต่ทั้งหมดอยู่ในรูปของแข็งเพราะพวกมันโคจรห่างดวงอาทิตย์มากจึงเย็นจัดจนกลายเป็นของแข็ง

วัตถุในแถบไคเปอร์

รูปภาพ
8. วัตถุในแถบไคเปอร์  ( Kuiper Belt Objects)   เป็นวัตถุที่หนาวเย็นเช่นเดียวกับดาวหาง     แต่มีวงโคจรอยู่ถัดจากดาวเนปจูนออกไป บางครั้งจึงเรียกว่า  Trans Neptune Objects     ทั้งนี้แถบคุยเปอร์จะอยู่ในระนาบของสุริยะวิถี โดยมีระยะห่างออกไปตั้งแต่  40 – 500 AU   เดิมทีวัตถุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกค้นพบในแถบไคเปอร์ คือ ดาวพลูโต ซึ่งถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.  2473  ส่วนก้อนน้ำแข็งอื่น ๆ นั้นมีแสงริบหรี่และมองหายาก จึงถูกค้นพบในเวลาต่อมา ดวงแรกที่ค้นพบ คือ  1992 QB1  เมื่อ พ.ศ.  2535  และใน พ.ศ.  2548  นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบวัตถุในบริเวณนี้ดวงหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกว่า  2003UB313  โดยมีขนาดใกล้เคียงกับพลูโต

ดาวหาง

รูปภาพ
7. ดาวหาง  ( Comets) เป็นวัตถุจำพวกน้ำแข็งซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากขอบของระบบสุริยะ นักดาราศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่า ดาวหางมีกำเนิดมาจากเมฆออร์ท ( Oort’s cloud)  ซึ่งเป็นผลึกน้ำแข็งอยู่ที่ขอบของระบบสุริยะ เมื่อมีแรงภายนอกมากระทำ ดาวหางมีคาบการโคจรที่แตกต่างกันหลายแบบ นับตั้งแต่คาบโคจรเพียงไม่กี่ปี ไปจนถึงหลายร้อยหรือหลายพันปี ขณะที่ดาวหางบางดวงเชื่อว่าผ่านเข้ามาถึงระบบสุริยะชั้นในเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนจะเหวี่ยงตัวเองออกไปสู่ห้วงอวกาศระหว่างดาว เชื่อกันว่า ดาวหางคาบสั้นมีต้นกำเนิดมาจากแถบไคเปอร์หรือแถบหินกระจาย[ 4]  ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากวงโคจรของดาวเนปจูน ดาวหางคาบยาวมาจากห้วงอวกาศที่ไกลกว่านั้น  

ดาวเคราะห์แคระน้อย

รูปภาพ
6. ดาวเคราะห์แคระน้อย  ( Asteroids)  เป็นวัตถุทางดาราศาสตร์ขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์ แต่ใหญ่กว่าสะเก็ดดาวดาวเคราะห์น้อยส่วนมากพบอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อย ซึ่งมีวงโคจรเป็นวงรีอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี เชื่อว่าดาวเคราะห์น้อยส่วนใหญ่เป็นซากที่หลงเหลือในจานดาวเคราะห์ก่อนเกิด ซึ่งไม่สามารถรวมตัวกันเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้ระหว่างการก่อกำเนิดระบบสุริยะเนื่องจากแรงโน้มถ่วงรบกวนจากดาวพฤหัสบดี ดาวเคราะห์น้อยบางดวงมีดาวบริวาร หรือโคจรระหว่างกันเองเป็นคู่ เรียกว่า ระบบดาวเคราะห์น้อย

ดาวเคราะห์แคระ

รูปภาพ
5. ดาวเคราะห์แคระ   (Dwarf Planets )  เป็นวัตถุขนาดเล็กที่มีรูปร่างคล้ายทรงกลม แต่มีวงโคจรเป็นรูปวงรี      ซ้อนทับกับดาวเคราะห์ดวงอื่น และไม่อยู่ในระนาบของสุริยะวิถี ซึ่งได้แก่ ซีรีส พัลลาส พลูโต      และดาวที่เพิ่งค้นพบใหม่ เช่น อีริส เซ็ดนา วารูนา ดาวเคราะห์แคระดวงเล็กที่สุดในจำนวน ๓ ดวง และเป็นดวงเดียวที่โคจรอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยชั้นใน ที่อยู่ระหว่างวงโคจร ของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ต่างจากดาวเคราะห์แคระอีก ๒ ดวง คือ พลูโต และ อีรีส ซึ่งโคจรอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อย รอบนอกของระบบสุริยะ

ดวงจันทร์บริวาร

รูปภาพ
4. ดวงจันทร์บริวาร ( Satellites)  เป็นดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลก จัดเป็นดาวบริวารขนาดใหญ่ลำดับที่  5  ในระบบสุริยะ วัตถุตามธรรมชาติที่โคจรรอบดาวเคราะห์ ระบบสุริยะของเรามีดวงจันทร์บริวารอยู่มากกว่า  140  ดวง โดยปกติดาวเคราะห์แก๊สที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก จะมีบริวารจำนวนมาก ดาวพุธและดาวศุกร์ไม่มีบริวารแม้แต่ดวงเดียว โลกมี  1  ดวง คือดวงจันทร์ ดาวอังคารมีดาวบริวารขนาดเล็ก  2  ดวง ดาวพลูโตมีดาวบริวาร  3  ดวง

ดาวเคราะห์ชั้นนอก

รูปภาพ
3 . ดาวเคราะห์ชั้นนอก   ( Outer Planets)  เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน  ดาวเคราะห์ชั้นนอกสามารถปรากฏให้เห็นตอนกลางคืนในช่วงเวลาใดก็ได้  ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เวลาขึ้นหรือตก เมื่อส่องดูด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นว่า ดาวเคราะห์ชั้นนอกปรากฏให้เห็นเป็นวงค่อนข้างกลมและมีขนาดค่อนข้างคงที่ เนื่องจากอยู่ไกลจากโลกมากว่าดวงอาทิตย์ จึงหันด้านที่สะท้อนแสงอาทิตย์เข้าสู่โลกเสมอ

ดาวเคราะห์ชั้นใน

รูปภาพ
2. ดาวเคราะห์ชั้นใน  ( Inner Planets)   เป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็ก มีความหนาแน่นสูงและพื้นผิวเป็นของแข็ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธาตุหนัก มีบรรยากาศอยู่เบาบาง ทั้งนี้เนื่องจากอิทธิพลจากความร้อนของ ดวงอาทิตย์และลมสุริยะ ทำให้ธาตุเบาเสียประจุ ไม่สามารถดำรงสถานะอยู่ได้   มีดวงจันทร์น้อยหรืออาจะไม่มีเลย และไม่มีระบบวงแหวนรอบตัวเอง สสารที่เป็นองค์ประกอบมักเป็นแร่ธาตุที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่นซิลิเกตที่ชั้นเปลือกและผิว หรือโลหะ เหล็ก นิเกิล   ที่เป็นแกนกลางของดาว สามในสี่ของดาวเคราะห์กลุ่มนี้ (ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร) มีชั้นบรรยากาศที่เห็นได้ชัด พื้นผิวมีร่องรอยของหลุมบ่อที่เกิดจากการปะทะโดยชิ้นส่วนจากอวกาศ และมีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่พื้นผิวด้วยเช่น การแยกตัวของร่องหุบเขาและภูเขาไฟ

องค์ประกอบ

รูปภาพ
องค์ประกอบของระบบสุริยะมีดังนี้   1. ดวงอาทิตย์ ( The Sun)   เป็นดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลางของ ระบบสุริยะ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย และดาวหางเป็นส่วนสำคัญที่สุดของระบบสุริยะ    เป็นผู้ดึงดูดให้ดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่และดวงอาทิตย์ยังให้แสงและความร้อนกับดาวเคราะห์นั้นด้วย    ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ระบบสุริยะก็จะมืดมิดและหนาวเย็น    เมื่อผ่าดวงอาทิตย์ออกมาเป็นชิ้นภายในดวงอาทิตย์นั้นไม่ได้แข็งเหมือนโลก